หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เก่ง ดี มีความสุข วัดกันตรงไหน

          พูดถึงกันเสมอว่า  การจัดการศึกษาถ้าจะบรรลุเป้าหมายผู้เรียนจะต้องเก่ง  ดี  มีสุข  เก่งก็วัดกันที่ผลการประเมินที่ค่อนเป็นตัวเลข  ได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดก็แสดงว่าเก่ง เช่น  อ่านเขียนได้ร้อยละ  80  ผลการแข่งขันได้ชนะเลิศหรือเหรียญทอง  ผล O-net  NT  Las  มีค่าเฉลี่ยตามเกณฑ์  เป็นค่าที่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่เรายอมรับเพราะเป็นเกณฑ์ทีกำหนดว่าเท่านี้จึงจะเก่ง  ถ้าทำได้ก็เป็นมาตรฐานว่าเก่งจริง 
          ส่วนความดีวัดกันตรงความประพฤติ  ต้องประพฤติดีตามเกณฑ์อีกนั่นแหละที่กำหนด  ก็สังเกตดูได้  เด็กคนนี้มีมารยาท  อ่อนน้อมถ่อมตนมีมนุษยสัมพันธ์  มีจิตอาสา  กตัญญูรู้คุณ  รับผิดชอบ  ซึ่งล้วนเป็นนามธรรม  แต่ก็วัดได้ว่าดี
          แต่ในด้านความสุขเราได้สังเกตและถามกันบ้างหรือไม่  ว่าเด็กเราที่เฝ้าสอนเขามีความสุขมากน้อยหรือไม่เพียงใด  หากท่านเห็นแววตาที่สดใส  ไม่หวาดกลัวหวาดระแวงต่อการมาเรียนรู้มาศึกษา  ต้องการอยู่ใกล้คุณครู  เป็นกันเอง  พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่กลัวคุณครู  ทุกเรื่องพูดคุยกับคุณครูได้  ไม่สร้างความหนักใจซึ่งกันและกัน  นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข  คุณครูรู้และเข้าใจความรู้สึกของผู้เรียนว่าต้องการเรียนรู้สิ่งใดเสมือนพ่อแม่ที่รู้และเข้าใจลูกตนเองว่าสีหน้าแววตาขณะนี้เขาต้องการอะไร  แล้วเราให้เขาได้  เมื่อนักเรียนได้รับในสิ่งที่ประสงค์ คือ  องค์ความรู้ต่าง ๆ  ที่สามารถอ่านออกเขียนได้แล้ว ยังสามารถคิดและกระทำได้อย่างสร้างสรรค์  ข้อสำคัญคือนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างฉลาดเฉลียว  เท่านี้ก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขแล้ว แต่....ถ้าเราเพิ่มอารมณ์ที่สดใส  บริสุทธิ์  เป็นธรรมชาติ  มีการแสดงออกที่มาจากจิตใจที่แท้จริง...จากความสามารถที่ต้องการแสดงออกให้คุณครูได้ชมได้ดูด้วยความมั่นใจอย่างสุดซึ้งว่าเขาทำได้ดีที่สุดแล้ว...มีเสียงหัวเราะเฮฮา...สนุกกับการเรียนรู้....เป็นเสียงที่สดใส..และเป็นเสียงธรรมชาติตามวัยของเด็ก.....ข้อสำคัญก็คือ  ความพร้อมและความเป็นอิสระในการแสดงออกที่เขากลั่นความรู้และประสบการณ์ที่เราสะสมให้เขาได้แสดงออกมาได้อย่างอารมณ์ดี....เราแอบมองเห็นจุดนี้กันไหม....นั่นแหละความสุขที่แท้จริง.....ยากที่จะเกิด...แต่ไม่ยากที่จะทำ....เชื่อสิ !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น